ข้อสอบเข้าสาธิต

การเลือกโรงเรียนดีๆให้ลูก ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ใส่ใจ หลายคนเล็งโรงเรียนในเครือสาธิตไว้ แม้ไม่ได้เรียนก็ขอไปทดสอบเพื่อฝึกความพร้อมให้ลูกคุ้นเคยกับสนามสอบ การเตรียมตัวที่ดี ย่อมมีโอกาสมากกว่า วันนี้เลยมีข้อสอบมาฝาก ให้ทุกคนโชคดี สมหวังกันทุกๆคนนะคะ

แจกฟรีข้อสอบสาธิตเพิ่มเติม

ข้อสอบสาธิตลูกสาวแสนซนคนเก่ง

เลือก Down Load ได้เลยคะ

*สาธิตเกษตร1*

*สาธิตเกษตร2*

*สาธิตเกษตร3*

ข้อสอบสาธิตลูกสาวแสนซนคนเก่ง

โชคดี ทุกๆคนนะคะ

ประเพณีตักบาตรดอกไม้ที่พระพุทธบาท สระบุรี

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#8

น้องโซเฟียชวนเพื่อนๆมาร่วมประสบการณ์การทำบุญหนึ่งเดียวของไทย ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ของจังหวัดสระบุรี ใกล้ๆกรุงเทพฯเดินทางสะดวก ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา ทุกปีจะมีประชาชนนับหมื่นมาเฝ้ารอรว่มพิธีตักบาตรดอกไม้ ล้างเท้าพระสงฆ์ ซึ่งเป็นความเชื่อ ตามตำนานพุทธประวัติ พร้อมชม ขบวนแห่รถบุปผาชาติจากอำเภอและหน่วยงานต่างๆ ที่ตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรบรรจง

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#13

เอกลักษณ์ของประเพณีนี้คือ ดอกไม้ ที่ใช้ตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์นั้น จะต้องเป็น “ดอกเข้าพรรษา” เท่านั้น ดอกเข้าพรรษา เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง ต้นคล้าย ๆ ต้นกระชาย หรือ ขมิ้น สูงประมาณ 1 คืบเศษ มีดอกสีเหลือง สีขาวและสีน้ำเงินม่วง ต้นดอกไม้เข้าพรรษานี้จะ ขึ้นตามไหล่เขาโพธิ์ลังกา หรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวง และเขาพุใกล้ ๆ กับรอยพระพุทธบาท และ จะผลิดอกเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น จนชาวบ้านเรียกชื่อให้เป็นที่เหมาะสมว่า “ต้นเข้าพรรษา"

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#9

ดอกเข้าพรรษา ที่ชาวพุทธออกไปเก็บนั้น ดอกสีเหลือง ดอกสีขาว ดูจะหาง่ายไม่ลำบากยากเย็นนัก แต่การเก็บดอกไม้เข้าพรรษาสีม่วง เขาถือกันว่าถ้าใครออกไปเก็บดอกไม้เข้าพรรษาสีม่วง มาใส่บาตรได้ คนนั้นจะได้รับบุญกุศลมากมายกว่าการนำดอกไม้สีอื่น ๆ มาตักบาตร

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#1

ชาวอำเภอพระพุทธบาท จัหวัดสระบุรี ได้ยึดถือประเพณีตักบาตรดอกไม้ เป็นประเพณีสำคัญ ปฏิบัติสืบต่อ
กันมา เป็นประจำทุกปี และกำหนดเอาวันเข้าพรรษา คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เป็นวันประเพณีตักบาตรดอกไม้
ในวันนั้น เมื่อพระภิกษะสงฆ์ รับบิณฑบาตรดอกไม้จากพุทธศาสนิกชน แล้วนำออกมาสักการะพระเจดีย์ที่บรรจุพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วนำไป สักการะบูชาพระเจดีย์มหาธาตุองค์ใหญ่ที่บรรจุพระบรมพระสารีริกธาตุ และ เข้าโบสถ์ประกอบพิธี สวดอธิษฐานเข้าพรรษา

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#2
ประเพณีตักบาตรดอกไม้เป็นประเพณีสำคัญที่อยู่คู่กับวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารมาช้านาน พี่น้องประชาชนชาวพระพุทธบาทและใกล้เคียง จะถือเอาวันเข้าพรรษาของทุกปี เป็นวันตักบาตรดอกไม้

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#3

ในปีนี้ พศ. 2553 จังหวัดสระบุรี ได้เพิ่มจำนวนวันตักบาตรดอกไม้ จาก 1 วัน เป็น 3 วัน มีพิธีตักบาตรดอกไม้วันละ 2 รอบ คือ รอบเช้าเวลา 10.00 น. รอบบ่าย เวลา 15.00 น.
ปีนี้ประเพณีตักบาตรดอกไม้ตรงกับวันที่
25-27 กรกฎาคม 2553

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#5

ถ้าเพื่อนๆ พลาดประเพณีตักบาตรดอกไม้ของปีนี้ ก็เตรียมตัวนับวัน ดูปฏิทินให้ดีวันเข้าพรรษาปีหน้าเจอกันที่สระบุรีนะคะ น้องโซเฟียไปมาทุกปี

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#7

ต้นดอกเข้าพรรษา

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#6

Bye..bye..see you next year.

ตักบาตรดอกไม้ พระพุทธบาทสระบุรี#10

การสอบเข้าโรงเรียนในเครือสาธิต ชั้นป.1

wise-wisdom-sophia ลูกสาวแสนซนคนเก่ง

“เด็กๆ  ที่จะสอบสาธิต  จะต้องเน้นการฟัง  และการสังเกตเป็นหลัก
โดยในห้องสอบ ครูจะอ่านโจทย์ให้เด็กๆฟังดังนั้น พ่อแม่ ควร จะฝึกให้น้องๆ ฟัง และ คิด ฝึกน้องๆ พัฒนาทักษะ การฟัง และการคิด วิธี แก้ปัญหาข้อสอบพร้อมบรรยากาศแบบจำลองในห้องสอบ เพื่อให้น้องๆ เกิดความเคยชิน ไม่รู้สึกเบื่อ และที่สำคัญที่สุด น้องๆจะมีสมาธิในการฟังข้อสอบ ทำให้น้องๆ ทำโจทย์ ได้ทุกคำถาม”

wise-wisdom-sophia ลูกสาวแสนซนคนเก่ง

กำหนดการสอบเข้าเรียนชั้นเด็กเล็ก โรงเรียนสาธิต

สาธิตประสานมิตร

ช่วงอายุที่รับ เกิด 1 มิย. 2548 - 31 พค. 2549

ขายใบสมัคร และรับสมัคร ประมาณ ต้นเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี

สอบประมาณ กลางเดือน มีนาคม

wise-wisdom-sophia ลูกสาวแสนซนคนเก่ง

สาธิตเกษตร

ช่วงอายุที่รับ เกิด 15 ธค. 2547 - 15 ธค. 2548

ขายใบสมัคร ประมาณ ต้นเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี

รับสมัคร ประมาณ ต้นเดือน มีนาคม ของทุกปี

สอบประมาณ กลางเดือน มีนาคม

การสอบเข้าสาธิตเกษตร

สาธิตจุฬา

ขายใบสมัคร ประมาณ ต้นเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี

รับสมัคร ประมาณ กลางเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี

สอบประมาณ กลางเดือน มีนาคม

การสอบเข้าสาธิตจุฬา

# คุณพ่อคุณแม่ และน้องๆเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ นะคะ #

แจกข้อสอบฟรี เชิญ Down load ได้เลย

#ชุดที่ 1#

#ชุดที่ 2#

#ชุดที่ 3#

#ชุดที่ 4#

#ชุดที่ 5#

#เฉลย#

ลองให้เด็กๆทำดู  วันหน้าจะหามาให้เพิ่มอีก

โซฟี เกอร์มัง (Sophie Germain) นักคณิตศาสตร์หญิงผู้ต่อสู้กับการกีดกันทางสังคม

ลูกสาวแสนซนคนเก่ง Sophie Germain

นี่คือนักคณิตศาสตร์ผู้หญิง ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ไม่น้อยไปกว่า Hypatia แห่งเมือง Alexandria ผู้มีชีวิตในช่วงปี พ.ศ. 913-958 ซึ่งนางได้ถูกฝูงชนคริสเตียนระดมปาด้วยก้อนหินจนตาย เพราะถูก กล่าวหาว่าไม่นับถือศาสนา
Sophie Germain ก็เป็นสตรีอีกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่น้อย จุดสนใจ คือตลอดชีวิต เธอต้องต่อสู้กับการถูกดูหมิ่นและลบหลู่จากสังคม เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน และครอบครัว แต่เพราะเธอมีความสามารถ ความทะเยอทะยาน และความรักวิชา คณิตศาสตร์ที่มากล้น เธอจึงประสบความสำเร็จ จนมีชื่อเสียงตราบเท่าทุกวันนี้
Sophie Germain เกิดที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2319 (ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช) ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ฝรั่งเศสจะ มีการปฏิวัติ 13 ปี และหลังจากที่ Newton ได้ปฏิรูปวิทยาศาสตร์ประมาณ 100 ปี บิดาชื่อ Ambroise Francois และมารดาชื่อ Marie-Madeleine บิดามีอาชีพ เป็นพ่อค้าใหม่ที่มีฐานะดี และต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นผู้ว่าธนาคารแห่ง ฝรั่งเศส Germain เป็นลูกสาวคนกลางของครอบครัวที่มีลูกสาว 3 คน

ลูกสาวแสนซนคนเก่ง Sophie Germain
ในวัยเด็ก Germain เป็นคนขี้อาย และงุ่มง่ามตลอดเวลา เธอมีความ รู้สึกว่าครอบครัวเธอหมกมุ่นกับเรื่องเงิน และการเมืองมากเกินไป ดังนั้น เมื่อถูก Bastille แตก การปฏิวัติที่นองเลือด และป่าเถื่อนทำให้เด็กหญิง วัย 13 ขวบเช่นเธอต้องหนีไปหลบซ่อนในห้องสมุดของบิดา และนี่ก็คือที่ที่เธอ ใช้ในการพัฒนาความสามารถเชิงวิชาการของเธอ เพราะเธอได้อ่านหนังสือภาษา ละติน กรีก รวมทั้งตำราคณิตศาสตร์ของ Bezout กับ Montucla จนหมดทุกเล่ม และการชอบคณิตศาสตร์ของเธอได้ทำให้พ่อแม่งุนงง ในขณะเดียวกัน เธอเองก็ไม่ เข้าใจว่าบิดามารดาชอบการเมืองได้อย่างไร และเมื่อเธอถูกพ่อแม่รบเร้าให้ เลิกเรียนคณิตศาสตร์ โดยบอกว่าคนที่อ่านหนังสือมากๆ จะบ้าในที่สุด และ เมื่อถึงเวลานอนก็ดับไฟหมด เพื่อให้เธอนอนเร็วๆ เธอก็แอบขนเทียนไขหลายเล่ม เข้าไปในห้องนอนเพื่อจุดสำหรับอ่านหนังสือเวลาพ่อแม่หลับแล้ว และเมื่อถึง หน้าหนาวที่อุณหภูมิลดต่ำจนน้ำหมึกกลายเป็นน้ำแข็ง เธอก็ใช้ผ้าห่มพันรอบ ตัวเพื่ออ่านหนังสือคณิตศาสตร์ต่อไปภายใต้แสงเทียน และถึงแม้พ่อแม่จะไม่ ยินดีที่เธอรักคณิตศาสตร์ แต่คนทั้งสองก็ยอมรับในการตัดสินใจของเธอ โดยให้ เงินเลี้ยงดูเธอจนตลอดชีวิต ทั้งนี้เพราะ Germain มิได้แต่งงานกับใคร และ อาชีพคณิตศาสตร์ของเธอไม่มีเงินเดือน
Ge
rmain ชอบอ่านชีวประวัติของ Archimedes ที่ J. E. Montucla เขียนในหนังสือ History of Mathematics มาก จนกระทั่งเธอคิดว่า Archimedes ก็เหมือนเธอ คือต้องต่อสู้กับกองทัพโรมันที่ยกมาล้อมเมือง Syracuse ส่วน เธอก็ต้องต่อสู้กับสังคมรอบข้างที่ไม่ยอมรับ หรือสนับสนุนให้เธอเรียน คณิตศาสตร์
เมื่ออ่านตำราคณิตศาสตร์ง่ายๆ จนเธอก็เริ่มอ่านตำราแคลคูลัส ของ Newton และ Leonard Euler และรู้สึกดื่มด่ำกับความรู้ด้านนี้มาก จน บรรดาญาติๆ เพื่อนฝูงและครูเลิกสนใจเธอ เพราะคิดว่าเสียเวลาเปล่าๆ ที่จะ เข้าใจเธอ
ในปี 2338 รัฐบาลฝรั่งเศสได้จัดตั้ง มหาวิทยาลัย Ecole Polytechnique แต่เมื่อเธอเป็นผู้หญิง เธอจึงไม่ได้รับ อนุญาตให้เข้าเรียน แต่เธอก็ได้พยายามเก็บรวบรวมบันทึกการบรรยายของอาจารย์ คณิตศาสตร์ที่โด่งดัง เช่น Joseph Louis Lagrange มาอ่านแล้วเขียนรายงาน ส่ง Lagrange เพราะนั่นเป็นประเพณีหนึ่งที่ได้กำหนดให้นิสิตหลังจากฟังคำ บรรยายแล้ว ต้องเขียนรายงานส่ง เพราะตนเองมิใช่นิสิตลงทะเบียน ดัง นั้น Germain จึงเขียนรายงานส่งโดยใช้ชื่อ Le Blanc แทน ซึ่งนิสิตผู้นี้มี ชื่อว่า Antoine-Auguste Le Blanc และมีอายุมากกว่า Germain 1 ปี อีกทั้ง ได้เสียชีวิตไปแล้วในตอนนั้น รายงานที่ลึกซึ้งของ Germain ได้ทำ ให้ Lagrange รู้สึกประทับใจมาก

ลูกสาวแสนซนคนเก่ง Sophie Germain

สังคมฝรั่งเศสในสมัยเมื่อ 200 ปีก่อนนี้ ไม่ อนุญาตให้สตรีเรียนวิทยาศาสตร์ จะมีก็แต่ผู้หญิงที่มีฐานันดรศักดิ์สูงเท่า นั้น จึงจะมีสิทธิรู้วิทยาศาสตร์ระดับง่ายๆ ได้ ดังนั้น ผู้หญิงไฮโซจึงมี ตำราที่เรียบเรียงให้ผู้หญิงเท่านั้นอ่าน เช่น Sir Isaac Newton's Philosophy Explained for the Use of the Ladies เป็นต้น ทั้งนี้เพราะสังคมยุคนั้นคิดว่า ผู้หญิงสนใจแต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ และเวลาอธิบายกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลของ Newton ซึ่งแถลงว่าเวลาระยะห่าง ระหว่างมวลเพิ่ม 2 เท่า แรงดึงดูดจะลดลง 4 เท่า หนังสือก็จะเปรียบเทียบว่า ในเรื่องความรักก็เช่นกัน ถ้าไม่เห็นหน้ากัน 2 วัน ความรักก็จะลดลง 4 เท่า ของวันที่เห็นครั้งสุดท้าย และนี่คือการอธิบายหลักการของฟิสิกส์ให้สตรี ฝรั่งเศสในสมัยนั้นฟัง
Germain ไม่ชอบอ่านหนังสือเน่าๆ เช่นนี้เลย และเมื่อเธอ ถูก Joseph Jerome Lalande กล่าวดูแคลนว่า เธอไม่มีวันเข้าใจงานดาราศาสตร์ เรื่อง Exposition du systeme du monde ของ Pierre-Simon Laplace ถ้าเธอ ไม่อ่าน Astronomy for Ladies ก่อน เธอจึงแค้นมากที่ถูกลบหลู่ และได้ถอย หนีสังคมไปซุ่มเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงๆ ด้วยตนเอง
แต่การเรียนที่ไม่เป็นระบบลักษณะนี้ ทำให้เธอมีความรู้ที่กระ ท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น เธอจึงมีความต้องการจะเรียนกับนัก คณิตศาสตร์เก่งๆ เช่น Joseph Louise Lagrange และ Adrien-Marie Legendre มาก แต่ก็ไม่มีใครรับเธอเป็นศิษย์ เพราะเธอเป็นผู้หญิง ด้วยเหตุ นี้ Germain จึงอยู่ในโลกที่โดดเดี่ยว โดยถูกตัดขาดจากวงการคณิตศาสตร์ของ ผู้ชาย และถูกเมินจากสตรีผู้ดีที่ได้รับการศึกษาสูง เพราะเธอเป็นคนชั้น กลาง ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ตามปกติเธอเป็นคนขี้อาย ดังนั้น เธอจึงต้อง หาทางติดต่อกับโลกภายนอก เพื่อนำความคิดใหม่ๆ เข้า และถ่ายทอดความรู้ที่ เธอมีออก และเธอก็ได้พบว่า การเขียนจดหมายเป็นวิธีที่จะทำให้เธอไม่รู้สึก วังเวง

wise-wisdom-sophia.blogspot.com
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2347 Germain รู้สึกสนใจทฤษฎี จำนวน (umber theory) หลังจากที่ได้อ่านตำรา Disquisitiones Arithmeticae ของ Carl Friedric Gauss แห่งมหาวิทยาลัย Brunswick จนเข้าใจ เธอตื่นเต้น กับความรู้ใหม่มาก จึงเขียนจดหมายถึง Gauss โดยใช้นามแฝงว่า Le Blanc อีก เพราะเธอเกรงว่า Gauss จะดูถูกที่เธอเป็นผู้หญิง แต่สนใจคณิตศาสตร์
ในจดหมายฉบับแรก Germain อ้างทฤษฎีบทสุดท้ายของ Pierre de Fermat ที่แถลงว่า ถ้าเรามีสมการ {x}^{n}+{y}^{n} = {z}^{n} โดย ที่ x, y, z และ n เป็นเลขจำนวนเต็มใดๆ และ n มีค่ามากกว่า 2 คือ 3, 4... ขึ้นไป จนถึงอนันต์ เราจะไม่สามารถหาค่าของ x, y, z ได้เลย และ Germain ก็ ได้พบว่า ถ้า n= และ p เป็นจำนวนเฉพาะ (prime number) ที่มีค่าเท่า กับ 8k+7 เช่น ถ้า k = 2, p ก็จะเท่ากับ 23 และ n= สมการ {x}^{22}+{y}^{22} = 722 จะไม่มีคำตอบของ x, y, z ที่เป็นเลขจำนวนเต็ม นั่นคือ Germain ได้พิสูจน์ว่า ถ้อยแถลงของ Fermat เป็นจริงกรณี n=
และในจดหมายฉบับแนะนำตัวนั้น Germain ได้กล่าวอย่างถ่อมตัวว่า ความ กระหายที่ข้าพเจ้าอยากจะเรียนรู้คณิตศาสตร์นั้นมาก แต่ความฉลาดของข้าพเจ้า ยังน้อย ถึงอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ต้องขอรบกวนเวลาที่มีค่าของ Gauss บ้าง เพราะข้าพเจ้าคิดว่า ผลงานที่พบนี้น่าสนใจ และ Gauss ก็ได้ตอบจดหมาย ของ Le Blanc ว่า วิธีที่ได้พิสูจน์มานั้นน่าสนใจมาก แต่มันก็ใช้ได้เฉพาะ กรณี n=22 เท่านั้น บทพิสูจน์ของ Germain จึงยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ สามารถนำไปใช้กับกรณี n มีค่าอื่นๆ ได้
อนึ่งในการตอบจดหมายของ Germain นั่น Gauss ไม่ได้วิเคราะห์ หรือวิจารณ์งานของ Germain มาก เพราะ Gauss สนใจงานที่ตนเองกำลังทำมากกว่า และตลอดเวลาที่ Germain เขียนจดหมายติดต่อ Gauss ประมาณ 10 ฉบับ บาง ครั้ง Gauss ก็ใช้เวลานานถึง 6 เดือน จึงตอบจดหมาย ยกเว้นฉบับที่ Gauss รู้ว่า Le Blanc คือผู้หญิงที่ชื่อ Sophie Germain เพราะเขาตอบทันที
สาเหตุที่ Gauss รู้ความจริงนี้ ก็มาจากเหตุการณ์ในปี 2349 ที่ Germain ได้ข่าวว่า Napoleon ทำสงครามชนะเยอรมนีที่เมือง Jena และจะ บุกเข้ายึดครอง Prussia Germain จึงได้ขอร้องให้เพื่อนของเธอที่ ชื่อ Joseph-Marie Pernety ็นนายทหารนำข่าวนี้ไปบอกให้ Gauss หนี เพราะเธอคิดว่า ทหารฝรั่งเศสคงฆ่า Gauss แบบเดียวกับ Archimedes และ pernety ก็ได้ ส่งผลทหารไปหา Gauss และพลทหารได้กลับมารายงานว่า Gauss ไม่รู้จัก Sophie Germain Germain จึงเขียนจดหมายถึง Gauss อีกฉบับหนึ่ง แล้วบอก Gauss ว่า เธอคือนาย Le Blanc คนที่เขียนจดหมายติดต่อกับ Gauss หลายฉบับแล้ว และเธอเป็นผู้หญิง Gauss รู้สึกประหลาดใจมาก แต่ก็ดีใจ ที่ Germain มีความสามารถสูง ทั้งๆ ที่มีอุปสรรคขวางกั้นมากมาย และในตอน ท้ายของจดหมาย Gauss ได้กล่าวยกย่อง Germain ว่า มีความสามารถสูงระดับ อัจฉริยะ

ในปี 2351 Germain วัย 32 ปี ได้เขียนจดหมาย ถึง Gauss ผู้มีอายุน้อยกว่าอีกครั้งหนึ่ง และได้เล่าผลงานด้านทฤษฎีจำนวน ที่นับว่าสำคัญมากของเธอ เพราะเธอสามารถพิสูจน์ได้ว่ากรณีสมการ {x}^{5}+{y}^{5} = {z}^{5} ที่มี x, y, z เป็นเลขจำนวนเต็ม เราจะพบเสมอว่า ไม่ x ก็ y หรือ z เป็นเลขที่ 5 หารได้ลงตัวเสมอ Gauss ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ต่อผลงานวิจัยชิ้นนี้ เพราะเขาเองเริ่ม สนใจดาราศาสตร์แล้ว และไม่สนใจทฤษฎีจำนวนอีกต่อไป แต่ทฤษฎีของ Germain ทฤษฎีนี้ก็ได้รับการอ้างถึงโดย Legendre ในอีก 15 ปีต่อมา ว่า Germain ได้ พบว่าทฤษฎีบทสุดท้ายของ Fermat เป็นจริง กรณี n= ใน ตำรา Theorie des numbres ของเขา

wise-wisdom-sophia.blogspot.com
เท่าที่ผ่านมา Germain ได้อาศัย Gauss ในการแนะนำปัญหาวิจัย เรื่องทฤษฎีจำนวน ถึงแม้จะติดต่อกันนาน แต่คนทั้งสองก็มิเคยพบกัน ดังนั้น เมื่อ Gauss ไม่สนใจทฤษฎีจำนวนอีกต่อไป การติดต่อกันทางจดหมายระหว่างคน ทั้งสองจึงสิ้นสุดลง และ Germain ก็ต้องหาปัญหาศึกษาใหม่ รวมทั้งคนชี้แนะ ใหม่ด้วยและเธอก็ได้ปัญหา เพราะในปี 2351 Ernst F. F. Chladni นัก ฟิสิกส์ชาวเยอรมันได้พบว่า เวลาเขาเอาเม็ดทรายโรยบนแผ่นโลหะที่มีลักษณะ ต่างๆ กัน แล้วทำให้แผ่นโลหะนั้นสั่นด้วยความถี่ต่างๆ เขาได้สังเกตเห็นว่า เม็ดทรายจะขยับเคลื่อนจากบริเวณที่สั่นมากไปอยู่ในบริเวณที่สั่นน้อยกว่า และในเวลาเพียง 2-3 วินาที แผ่นโลหะนั้นก็จะมีกองทรายที่เรียงตัวกันเป็น รูปต่างๆ บ้างก็เป็นวงกลม บ้างก็เป็นวงรี หรือเป็นแฉกแบบดาว ฯลฯ ซึ่งการ เป็นรูปอะไรนั้น ก็ขึ้นกับความถี่ที่แผ่นโลหะสั่น และขึ้นกับลักษณะของแผ่น โลหะด้วย และเมื่อ Chladni นำการทดลองนี้ไปแสดงที่ สมาคม French Academy of Science ที่กรุงปารีสให้นักคณิตศาสตร์และนักฟิก ส์ดู การสาธิตนี้ได้ทำให้คนเหล่านั้นงุนงงมาก เพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดกองทรายจึงเป็นเช่นนั้น และได้ขอร้องให้ Chladni นำการทดลองนี้ไป แสดงต่อหน้าพระที่นั่งของ Napoleon ซึ่งก็ได้ทำให้จักรพรรดิทรงประทับใจมาก จึงได้มีพระราชบัญชาให้ Institute de France จัดตั้งรางวัลเป็นเหรียญ และ ทองคำหนัก 1 กิโลกรัม เพื่อมอบให้แก่คนที่สามารถสร้างทฤษฎีอธิบายการทดลอง ของ Chladni ได้ และกำหนดให้การประกวดนี้ใช้เวลา 2 ปี
Germain รู้สึกสนใจปัญหานี้ แต่ไม่มีใครเป็นคู่คิด และเมื่อ วัฒนธรรมสตรีในสมัยนั้นกำหนดว่า สตรีจะเดินเข้าไปในสถาบันวิชาการใดๆ ไม่ ได้ ถ้าไม่ได้รับเชิญ เธอจึงแทบไม่มีโอกาสพบนักฟิสิกส์หรือนักคณิตศาสตร์ ผู้ชายเลย การรู้สถานการณ์เช่นนี้คงทำให้เรา ณ วันนี้เข้าใจดีขึ้นว่า การ ที่เธอจะเปลี่ยนหัวข้อวิจัยจากคณิตศาสตร์มาเป็นฟิสิกส์ทฤษฎี โดยไม่มีใคร ช่วยเลยนั้น ยากลำบากเพียงใด
ถึงกระนั้น Germain ก็เริ่มศึกษาปัญหา Chladni โดยได้อ่านตำรา กลศาสตร์ชื่อ Analyticel Dynamics ของ Lagrange และทฤษฎีการสั่นของลวด 1 มิติที่ Euler ได้เคยวิเคราะห์ไว้ และเธอก็ได้ความคิดว่า เวลาท่อนเหล็กถูก แรงกระทำ แรงนี้จะถูกต่อต้านโดยแรงยืดหย่ถนในท่อนเหล็ก จึงได้ตั้งสมมติฐาน ว่า แรงยืดหยุ่นนี้เป็นปฏิภาคโดยตรงกับความโค้งของท่อนเหล็ก (ความ โค้ง = 1y/ รัศมีความโค้ง) แต่ท่อนเหล็กเป็นสสาร 1 มิติ ในขณะที่แผ่นโลหะ เป็นสสาร 2 มิติ เธอจึงตั้งสมมติฐานว่า ความโค้งที่ต้องใช้ในกรณี 2 มิติ คือความโค้งเฉลี่ยที่ได้จากการเฉลี่ยความโค้งมากที่สุดกับความโค้งน้อยที่ สุด
เมื่อทำงานวิจัยเสร็จในปี 2354 Germain เป็นนักวิจัยคนเดียวที่ ส่งผลงานเข้าประกวด แต่เธอมิได้รับรางวัลเพราะเธอคำนวณผิด และเพราะเธอมิ ได้แสดงว่าสมมติฐานที่เธอใช้ในงานวิจัยนั้น เธอใช้หลักการฟิสิกส์ใด ดัง นั้น เมื่อกรรมการท่านหนึ่งคือ Lagrange เห็นจุดบกพร่องของ Germain เขาก็ ได้ความคิด และแก้ไขความผิดพลาดของ Germain จนพบสมการคณิตศาสตร์ ที่ Lagrange อ้างว่า สามารถอธิบายรูปกองทรายที่ Chladni เห็นได้หมด คือ

 \frac{a^2 z}{a+2} + k^2 [ \frac{a^4z}{ax^2} + \frac{a^4z}{ay^2}+ \frac{a^4z}{ax^2ay^2}] = 0

เมื่อ z คืออัมปลิจูดของการสั่น t คือเวลา k คือค่าคงตัว และ x, y คือตำแหน่งของจุดต่างๆ บนผิวที่กำลังสั่นGermain ได้พยายามแก้สมการนี้ และส่งผลงานเข้าประกวดอีก โดยเธอได้ แสดงให้เห็นว่า สมการของ Lagrange สามารถใช้อธิบายการทดลอง Chladni ได้ ใน กรณีง่ายๆ เท่านั้น แต่เมื่อเธอไม่สามารถแสดงให้คณะกรรมการเห็นว่า สมการ Lagrange มาจากไหน เธอก็มิได้รับรางวัลอีก แต่ได้รับประกาศ เกียรติคุณแทนในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ปัญหาวิจัยเรื่องนี้ก็มีนัก คณิตศาสตร์หนุ่มชื่อ Simon Denis Poisson เข้ามาสนใจ เพราะ Poisson คนนี้ เป็นศิษย์โปรดของ Laplace เขาจึงกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ Germain ทั้ง นี้เพราะ Poisson เป็นผู้ชาย เขาจึงมีคนหลายคนที่จะช่วยคิด
Poisson เป็นอัจฉริยะนักคณิตศาสตร์คนสำคัญคนหนึ่งของฝรั่งเศส ที่ได้เข้าศึกษาใน Ecole Polytechnique ในปี 2341 ขณะมีอายุเพียง 17 ปี และเมื่อสำเร็จการศึกษา อาจารย์ที่ชื่อLagrange และ Laplace ก็ได้ สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยรับ Poisson เป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ประจำ มหาวิทยาลัยผู้มีหน้าที่ช่วยนักวิทยาศาสตร์ เช่น Laplace และ Berthollet สร้างทฤษฎีฟิสิกส์
Poisson ได้พยายามอธิบายการทดลองของ Chladni โดยใช้กฎการ เคลื่อนที่ของ Newton และตั้งสมมติฐานว่า แผ่นโลหะที่สั่นนั้นประกอบด้วย โมเลกุลที่มีทั้งแรงดึงดูด และแรงผลักกระทำ และจากสมมติฐานนี้ Poisson ก็ สามารถหาสมการสั่นที่ซับซ้อนมากได้ และเมื่อเขาใช้วิธีประมาณอย่างหยาบ สมการของ Poisson ก็ลดรูปเป็นสมการของ Lagrange ทันที

ลูกสาวแสนซน โซเฟีย
ในปี 2357 Poisson ได้ตีพิมพ์ผลงานนี้ แต่มิได้ส่งผลงานเข้า ประกวดเพื่อรับรางวัล ทั้งนี้เพราะเขาเป็นกรรมการท่านหนึ่งของการประกวด พอ อีก 1 ปีต่อมา Germain ก็เสนองานวิจัยชิ้นใหม่ ซึ่งเธอสามารถแสดงให้ทุกคน เห็นที่มาของสมการ Lagrange และที่เธอไม่รู้แม้แต่น้อยเกี่ยวกับงาน ของ Poisson คณะกรรมการรางวัลซึ่งประกอบด้วย Legendre, Laplace ใช้กฎ เคลื่อนที่ Newton และสมมติว่า แม้วัสดุนั้นประกอบด้วยโมเลกุลที่ส่งแรงดึง ดูด และแรงผลักกระทำกัน+จากสมมติฐานนี้ Poisson ก็สร้างสมการการการเคลื่อน ที่ที่มีรูปแบบยุ่งมากมาย แต่เมื่อเขาใช้วิธีประมาณหยาบๆ สมการที่ซับซ้อน ของเขาก็กลายรูปแบบสมการของ Laplace ทันที
ในปี 2357 Poisson ตีพิมพ์ผลงานนี้ แต่เขาสามารถส่งผลงานเข้า ประกวดเพื่อเอารางวัลได้ และหลายคนคิดว่า Poisson พบทฤษฎีที่ใช้อธิบายรูป ลักษณ์การสั่นของ Chladni แล้ว ถึงกระนั้นการแข่งขันการประกวดทฤษฎีก็ยังคง อยู่ใน 1 ปีต่อมา Germain ที่ไม่รู้เห็น งานของ Poisson ได้สมมติ ว่า แรงยืดหยุ่น ¥ แรงทำมากกว่าที่ ¥ รูปปริมาณการบิด เบี้ยวของผิว แรงที่จุดๆ หนา ¥ ผลบวกของความโค้งทั้งหมดที่จุดๆ นั้นแล้ว Germain ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ผลบวกของความโค้งมีความสัมพันธ์ได้ โดยตรงกับผลบวกของความโค้งมากที่สุดกับความโค้งน้อยที่สุดนั้นด้วยเธอสามารถแสดงที่มาของสมการ L ได้ว่ามาจากการบวก ความโค้งหลัก นี่คือที่เธอเสนอผลงานต่างๆ ที่เธอนำเสนอเพื่อรับรางวัล ซึ่งมีคณะกรรมการ ที่ประกอบด้วย Legendre, Laplace และ Poisson คนทั้ง 3 ไม่รู้สึกสบายใจกับ สมมติฐานของเธอเกี่ยวกับแรง ¥ การบิดโค้งนัก ถึงกระนั้น กรรมการ ตัดสินให้ Germain ได้รับรางวัลเหรียญทอง Germani ไม่ได้ไปรับรางวัลด้วยตนเอง เพราะเธอรู้ สึกว่า กรรมการไม่ชอบงานของเธอนัก หรือไม่นั้นก็เพราะเธอไม่ต้องการปรากฏ เปิดโฉมในสังคม
สำหรับ Germain แล้ว เธอรู้สึกว่ารางวัลให้ความมั่นใจแก่เธอ และสังคมในความสามารถของเธอ แต่สำหรับ Poisson แล้ว เธอเขียนจดหมายสั้นๆ ขอบคุณความคิดของเธอ และพยายามหลบเลี่ยงไม่สนใจเธอเวลาพบหน้ากัน ก่อนนั้น เธอรู้สึกตัวว่าด้อยกว่าคนอื่นๆ ตอนนี้เธอรู้สึกว่า เพื่อนๆ ที่เธอมีไม่ ชื่นชมเธอเลย และ Poisson ไม่สบายใจนักเกี่ยวกับสมมติฐานต่างๆ ที่เธอใช้ ถึงกระนั้นคณะกรรมการก็ตัดสินให้เธอได้รับรางวัลเหรียญทอง Germain มิได้เดินทางไปรับรางวัลด้วยตนเอง เพราะเธอรู้สึกว่า คณะกรนัก และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เธอเป็นคนขี้ อายที่ไม่ชอบการปรากฏตัวในสังคม
การมีคู่แข่งชื่อ Poisson ทำให้ Germain รู้สึกกังวลที่ไม่มีคน ชื่นชมความสามารถของเธอมาก แต่เมื่อเธอได้ รู้จัก Jean-Baptiste-Joseph Fourier ความกระตือรือร้นที่จะวิจัย คณิตศาสตร์ต่อก็เกิดอีก เพราะคนทั้งสองมีศัตรูคือ Poisson ร่วมกัน การสนิท สนมกับ Fourier ทำให้ Germain หวนคืนสู่สังคมวิชาการอีก โดยได้เข้าไปฟัง การบรรยายที่ Academie des Science และเธอก็เป็นสตรีคนแรกที่ได้เข้าไปใน สถาบันนั้น ยกเว้นเหล่าภรรยาของสมาชิกสถาบัน

โซเฟียแสนซนคนเก่ง


ในปี 2365 Germain ได้หวนกลับไปทำงานวิจัยเรื่องทฤษฎีจำนวนอีก โดยได้ทำงานร่วมกับ Legendre และ Fourier ความมีเสน่ห์ของเธอทำให้เธอมี เพื่อนมากขึ้น ขณะมีอายุ 48 ปี Germain ได้พบนักคณิตศาสตร์หนุ่มชาวอิตาเลียน คนหนึ่ง และเป็นขุนนางชื่อ Count Libri-Carducci แห่งเมือง Pisa ความ กะล่อนและมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวทำให้ Libri ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก ของ Academy of Sciences และเป็นอาจารย์ของ College de France และเมื่อได้ รับแต่งตั้งให้เป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดแห่งชาติ Libri ได้ขโมยหนังสือห้อง สมุดออกขายจนถูกจับได้ และตำแหน่งต่างๆ ถูกปลดหมด
Germain ได้พบ Libri ที่ปารีส และได้มีสัมพันธ์กันทั้งๆ ที่ Libri มีอายุน้อยกว่าเธอมาก และเมื่อ Germain เสียชีวิตโลกรู้ข้อมูล รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของ Germain ก็จาก Libri ผู้นี้แหละ ถึงแม้ Germain จะมีผลงานวิจัยด้านคณิตศาสตร์มากมาย แต่เธอก็ ไม่เคยได้รับปริญญาใดๆ ในปี 2373 Gauss ได้เคยขอดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัย Gottingen ในเยอรมนีนี้ให้เธอ แต่มหาวิทยาลัยไม่อนุมัติ
Germain ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมเป็นเวลานาน 2 ปี และได้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2374 ขณะมีอายุ 55 ปี และเจ้า หน้าที่เขียนในมรณบัตรของเธอว่า เธอเป็นสตรีที่ไม่มีอาชีพก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอได้เขียนบทความวิชาการหลายเรื่อง เพื่อลงพิมพ์ในวารสาร General Connderations on Science and Letters โดย ได้พยายามอธิบายขั้นตอนการทำงานวิชาการของสมองคน และเมื่อเธอจากไป
เธอได้มอบมรดกทั้งหมดให้หลานชายซึ่งเป็นลูกของพี่สาวเธอเป็นผู้ จัดการ ในกรุงปารีส มีการตั้งชื่อถนน และโรงเรียนตามชื่อของเธอ ส่วนบ้าน ที่เธออยู่บนถนน de Savoie ในช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้น ก็คือเป็นสถานที่ สำคัญของชาติ แต่เรื่องที่น่าประหลาดใจคือ เมื่อหอ Eiffel สร้างเสร็จได้มี การจารึกชื่อของปราชญ์ฝรั่งเศส 72 คน บนโครงเหล็กของหอ โดยไม่มีชื่อ ของ Germain ทั้งๆ ที่โครงเหล็กนั้นต้องอาศัยทฤษฎีการยืดหยุ่นของ Germainชีวิตของ Germain ผู้เป็นสตรีที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส จึงเป็นชีวิตตัวอย่าง ทั้งๆ ที่เธอต้องเรียนหนังสือด้วยตนเอง ต้องต่อสู้ กับความอคติทางสังคมในสมัยนั้น ที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอแสดงออกมาก แต่เธอก็ ประสบความสำเร็จในที่สุด

wise-wisdom-sophia.blogspot.com

โซฟี เกอร์มัง (Sophie Germain) เป็นหนึ่งในนักคณิตศาสตร์ในดวงใจ ของน้อง โซเฟีย เพราะชื่อก็คล้ายกัน วันหนึ่งข้างหน้าอาจมีนักคณิตศาสตร์หญิงชื่อ Sophia เพิ่มมาอีกหนึ่งชื่อก็ได้

ลูกสาวแสนซนคนเก่ง โซเฟีย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www-history.mcs.st-andrews.ac.uk/Mathematicians/Germain.html

ไฮพาเทีย(Hypatia)ยอดนักคณิตศาสตร์หญิง

ไฮพาเทีย (Hypatia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิงในดวงใจของใครหลายๆคน

ไฮพาเทีย (Hypatia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์หญิงในดวงใจ

ไฮพาเทีย เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิงแห่งอเล็กซานเดรียผู้มีชีวิตอยู่ระหว่างช่วง 370-415 ปีก่อนคริสตกาล

ไฮพาเทีย (Hypatia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์หญิง

ยอดนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์หญิง

คงไม่เป็นเรื่องยากนัก หากคุณจะนึกถึงชื่อของนักคณิตศาสตร์ชายที่มีชื่อเสียง แต่อาจต้องใช้เวลาคิดนานซักหน่อย หากจะยกตัวอย่างชื่อนักคณิตศาสตร์ที่เป็นผู้หญิง ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะมีผู้หญิงไม่มากนักที่จะเป็นนักคณิตศาสตร์และมีอยู่น้อยคนที่จะเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากสังคม

ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาศาสตร์ทางด้านนี้ เพราะนอกจากจะต้องอาศัยการไตร่-ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ และยากแล้ว ยังลึกซึ้งเกินกว่าที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนี้ จึงมีสตรีเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้นที่ได้ทำการบุกเบิกการศึกษา และการทำงานในสาขาวิชาทางคณิตศาสตร์อย่างจริงจัง

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่อาจปฏิเสธความสามารถ พรสวรรค์ และความชำนาญอันน่าทึ่งทางด้านคณิตศาสตร์ที่ทัดเทียมกับนักคณิตศาสตร์ชายของพวกเธอได้ ซึ่งนอกจากพวกเธอจะมีชื่อเสียงทางด้านนี้แล้ว

ถ้าเราได้ศึกษาประวัติของพวกเธอ ก็จะทราบว่าสตรีเหล่านี้น่ายกย่องเพียงใด ที่ยอมแลกชีวิตที่สุขสบายต่อสู้กับความยากและซับซ้อนของคณิตศาสตร์ แล้วก็ยังมีความอดทนในการเผชิญกับการต่อต้านการเป็นนัก-คณิตศาสตร์ของพวกเธอจากสิ่งรอบข้างด้วย

AGORA ไฮพาเทีย (Hypatia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์หญิง Rachel Weisz ในบท Hypatia จากหนังเรื่องAgora นักปรัชญาหญิงโรมัน

หากเราลองมองย้อนถึงประวัติศาสตร์ ในช่วงยุคแรกๆ ของการศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ สันนิษฐานว่า ไฮพาเทีย (Hypatia) น่าจะเป็นสตรีคนแรกที่เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาทั้งทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เธอเป็นลูกสาวของนักคณิตศาสตร์และนักปรัชญานามทีออน แห่ง อเล็กซานเดรีย ไฮพาเทียเกิดที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ เมื่อประมาณ 370 ปีก่อน คริสตกาล พ่อของเธอเป็นผู้ถ่ายทอดศาสตร์ทางการคำนวณและความเป็นนักคณิตศาสตร์ให้กับเธอ

ด้วยอัจฉริยภาพที่เธอมี ก็อาจกล่าวได้ว่าเธอเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมกว่าพ่อของเธอเสียอีก และไม่เพียงพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้น เธอยังได้อุทิศตัวในการศึกษาทางด้านดาราศาสตร์และปรัชญา ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่าเธอได้ทำวิจัยทางคณิตศาสตร์ แต่ไฮพาเทียเป็นผู้รับผิดชอบในการค้นคว้าและรวบรวมความรู้ต่างๆ ตั้งแต่สมัยแรกเริ่ม เธอถือเป็นบรรณาธิการที่ยอดเยี่ยมที่ยังรักษางานทางการคำนวณยุคแรกไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอได้เขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษาระบบจำนวนเชิงซ้อนของไดโอพาทัส, ทฤษฎีภาคตัดกรวยของอะพอลไลซ์และงานทางด้านดาราศาสตร์ของพโทเลมี แต่โชคร้ายที่งานทั้งหมดของเธอสูญหายไป เหลือเพียงหัวข้อเรื่องและเอกสารที่อ้างอิงบางส่วนจากงานของเธอเท่านั้น

AGORA ไฮพาเทีย (Hypatia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์หญิง Rachel Weisz ในบท Hypatia จากหนังเรื่องAgora นักปรัชญาหญิงโรมัน

ไฮพาเทียสามารถพูดในที่สาธารณะได้อย่างคล่องแคล่ว สละสลวยและชัดเจน ทำให้การบรรยายเกี่ยวกับปรัชญาทุกครั้งของเธอได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก เธอได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงสังคม และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เธอได้เป็นผู้ดูแลโรงเรียนพลาโต (Platonist School) ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งปรัชญาในอเล็กซานเดรีย จากการสอนวิชาคณิตศาสตร์และปรัชญาของเธอก็ทำให้พบว่านอกจากเธอจะเป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์และนักปรัชญาที่ยอดเยี่ยมแล้ว เธอยังเป็นครูที่มีเสน่ห์ในการสอนมากอีกด้วย

แต่แล้วก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นเมื่อไฮพาเทียได้ถูกจับตัวไปทำร้ายและถูกฆาตกรรม โดยที่ร่างของเธอถูกแยกชิ้นส่วนและส่งไปยังที่ต่างๆ ทั่วเมือง เชื่อว่าสาเหตุนั้นมาจากมีผู้อิจฉาในความฉลาดและความเป็นบุคคลสำคัญของไฮพาเทีย การตายของไฮพาเทียจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของเมืองอเล็กซานเดรีย เพราะผู้ที่มีการศึกษาต่างหวาดกลัวและพากันออกจากเมือง ซึ่งเป็นเหตุให้บทบาทของเมืองอเล็กซานเดรียในฐานะศูนย์กลางทางการศึกษาต้องปิดฉากลงไปโดยปริยาย

ลูกสาวแสนซนคนเก่ง โซเฟีย โซเฟีย (Sophia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิงแห่งอนาคต

ไฮพาเทีย (Hypatia) เป็นยอดนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิง ในดวงใจของน้องโซฟีย เพราะ ชื่อไฮพาเทีย (Hypatia) กับ โซเฟีย (Sophia)ก็คล้ายกัน เป็นภาษากรีกโบราณเหมือนกัน และชอบคณิตศาสตร์เหมือนกัน ในอดีตมีนักคณิตศาสตร์หญิงที่มีชื่อ ไฮพาเทีย แต่วันหน้าอาจจะมีนักคณิตศาสตร์หญิงชื่อ โซเฟียก็ได้ ใครจะไปรู้

    โซเฟีย (Sophia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิงแห่งอนาคต

โซเฟีย (Sophia) ยอดนักวิทยาศาสตร์ และนักคณิตศาสตร์หญิงแห่งอนาคต